Diary


KICK KICK

(ภูมิ)  ภูมิภัทร แต้มโคกสูง อดีตมือกลองและนักแต่งเพลงวงขอนแก่น
เพลงที่ทุกคนน่าจะรู้จัก เช่น เพลงลืม และ แค่ไหนที่เรียกว่ารักกัน
เกิด 7 ธ.ค. 2526 อายุ 27 ปี
การศึกษา
-นักศึกษาระดับปริญญาโท  มหาวิทยาลัยรังสิต สาขา คอมพิวเตอร์อารท์
-ปริญญาตรี สาขาสื่อสารมวลชนวิทยุและโทรทัศน์ คณะมนุษย์ศาสตร์, มหาวิทยาลัยรามคำแหง
-อนุปริญญา Audio Engineering, SAE Institute .
-เคยศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลาออกเพื่อทำงานเพลงอย่างจริงจัง ในช่วงทำวงขอนแก่น


ประวัติ KICK KICK 

       หลังจากที่วงขอนแก่นยุบตัว สมาชิกแยกย้ายไปทำงานวิศวกร ภูมิผู้รักในการทำงานเพลงยังคงเลือกที่จะทำวงร็อคต่อไป โดยมีสมาชิกเดิมของวงขอนแก่นบางส่วน และหาเพื่อนสามาชิกมาทำวงใหม่ แต่ผ่านมาหลายปี ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไรนัก ภูมิจึงเริ่มทำ side project คลายเครียดของตัวเองขึ้นมาโดยใช้ชื่อนามปากกาในงาน solo album ว่า KICK KICK แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้คิดว่าจะทำจริงจัง แค่อยากทำสิ่งที่อยากทำโดยดึงอีกด้านหนึ่งของตัวเองออกมา ไม่ว่าจะเป็นแนวการแต่งเนื้อเพลง เมโลดี้ และดนตรี
        แต่หลังจากที่เพลงปล่อยวิทยุออกไป มีคนฟังหลายคน ที่รักในเพลงจริงๆเรียกร้องและ e mail ขอให้ทำเพลงออกมาเป็นอัลบั้มและทำดาวน์โหลดอย่างถูกต้อง เพื่อที่เค้าเหล่านั้นจะได้สนับสนุนผลงาน โปรเจ็ค KICK KICK ของภูมิจึงได้เริ่มจากนั้นเป็นต้นมา( พฤษพาคมที่ผ่านมา) มินิอัลบั้มคงจะสามารถหาซื้อได้ภายในเดือนพฤษจิกายนนี้แน่นอน หวังว่าอัลบั้มนี้จะทำให้ทุกคนยิ้มเหมือนผมครับ


ประวัติการทำงานเพลงและเบื้องหลัง
-smallroom 2546-2549
  มือกลอง และนักแต่งเพลง วงขอนแก่น
-MJM MUSIC 2550-2552
  Arranger,sound engineer,song writer  
- GMM STUDIO Co.,Ltd   2552 ถึงปัจจุบัน
   sound engineer
-ปัจจุบัน free lance Producer & sound engineer 
และทำ home music production สำหรับงานโฆษณาและสารคดีของตัวเองชื่อ 
PHUM MUSIC PRODUCTIONS 






ปลูกอะไร…ก็จะได้อย่างนั้น


เมื่อคุณปลูกความซื่อสัตย์ คุณก็จะได้รับความไว้วางใจ
เมื่อคุณปลูกความดี คุณก็จะได้รับมิตรภาพ
เมื่อคุณปลูกความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณก็จะได้รับความยิ่งใหญ่
เมื่อคุณปลูกความพากเพียร คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกความพิจารณา คุณก็จะได้รับความละเอียดลออ
เมื่อคุณปลูกความทำงานหนัก คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกการให้อภัย คุณก็จะได้รับการคืนดี

ดังนั้น … ตรองดูสักนิดว่าคุณจะปลูกอะไร คุณก็สามารถกำหนดสิ่งที่คุณจะได้รับได้.





แม่ไม่เคยคิดเงิน
             เจ้าเด็กชายตัวน้อยของเราเข้าไปหาแม่ และส่งกระดาษให้ หลังจากแม่เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้ว เธอก็ก้มลงอ่าน

              ค่าตัดหญ้า                                                            ๕.oo บาท
           
              ค่าทำความสะอาด                                                ๑.oo  บาท
           
              ค่าซื้อของให้แม่                                                    ๒.๕o บาท

              ค่าดูแลน้องชาย                                                    ๒.๕o  บาท

              ค่าเอาขยะไปทิ้ง                                                    ๑.oo   บาท

              ค่าได้คะแนนดี                                                       ๕.oo   บาท

              ค่ากวาดสนาม                                                        ๒.oo บาท

              รวมค้างชำระ                                                          ๑๗.oo บาท


              เธอหยิบปากกาขึ้นมา พลิกไปด้านหลังแล้วเขียน


              เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้อง                                              ไม่คิดเงิน

              เวลาแม่พยาบาลและดูแลลูก                                    ไม่คิดเงิน

              ค่าที่ลูกทำให้แม่เสียน้ำตา                                        ไม่คิดเงิน

              ของเล่น อาหาร เสื้อผ้า พาเที่ยว                              ไม่คิดเงิน

              แม้แต่เช็ดน้ำมูกให้                                                     ไม่คิดเงินหรอกจ๊ะลูก

              เมื่อรวมทั้งหมดเป็นราคาเต็มของความรัก                  ไม่คิดเงินเหมือนกัน

              เมื่อลูกชายของเราอ่านสิ่งที่แม่เขียนแล้ว น้ำตาหยดโตก็ไหลออกมา เขาสบตาแม่แล้วพูดว่า "แม่ครับ ผมรักแม่จริงๆนะครับ"  แล้วเขาก็เอาปากกาเขียนหนังสือตัวโตๆว่า

จ่ายหมดแล้ว แม่จ่ายหมดแล้ว แต่ลูกทอนให้ยังไม่หมด  

กรุณาอ่านให้จบ ถ้าคิดว่าเราไม่ค่อยมีเวลา

ตอนเราอายุ 1 ขวบ แม่คอยดูแล อาบน้ำอาบท่าให้ และเราก็ตอบแทนด้วยการร้องไห้ทั้งคืน
ตอนเราอายุ 6 ขวบแม่จูงมือเราไปโรงเรียนด้วยกัน และเราก็ขอบคุณแม่ด้วยการตะโกนสุดเสียงว่า “ไม่ไป”
ตอนเราอายุ 14 ขวบ แม่แนะนำเราว่าควรตัดผมทรงไหนเราก็ขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า “แม่น่ะ... เชย”
ตอนเราอายุ 17 ขวบ แม่รอโทรศัพท์เรื่องสำคัญ เราก็ขอบคุณแม่ด้วยการโทรคุย กับเพื่อนทั้งคืน
ตอนเราอายุ 22 ขวบในขณะที่แม่ปลาบปลื้มในความสำเร็จของเราวันรับปริญญา เราก็ขอบคุณแม่ด้วยการขอเงิน ซื้อรถยนต์เป็นของขวัญ
ตอนนี้เราอายุ....
แม่...
เราก็ตอบแทนแม่ด้วยการ...
ตอนเราอายุ...แม่จากเราไปอย่างสงบ
แน่นอน แม่ยังคงไม่ลืม ทิ้งสมบัติที่เขาหามาทั้งชีวิตให้เรา ถึงวันนั้น เราอาจเสียใจ กับบางสิ่งที่เราไม่ได้ทำ แต่มันคงไร้ความหมาย เพราะเราย้อนเวลากลับไม่ได้ ที่เพียงแต่คิดว่า ถ้าคุณแม่ท่านยังอยู่กับเรา เราจะหมั่นดูแลเอาใจใส่ และรักท่านมากว่าที่เคย และสัญญาว่าจะระลึกถึงความรัก ที่ไม่มีเงื่อนไขของท่านไปตลอดกาล





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น